การขูดหินปูน (Scaling) และการเกลารากฟัน (Root Planing) เป็นหัตถการทางทันตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดฟันและเหงือก แต่มีจุดประสงค์และกระบวนการที่แตกต่างกัน
จุดประสงค์ของการขูดหินปูน:
เหมาะสำหรับ:
การเกลารากฟัน (Root Planing) หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Root Planing" เป็นขั้นตอนที่ลึกกว่าการขูดหินปูน ใช้สำหรับรักษาโรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) โดยทำความสะอาดลึกถึงรากฟัน เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียที่อยู่ใต้เหงือกและช่วยให้เหงือกยึดติดกับฟันได้ดีขึ้น
จุดประสงค์ของการเกลารากฟัน:
เหมาะสำหรับ:
การแบ่งการรักษาเป็นบริเวณ: การเกลารากฟันมักต้องแบ่งทำเป็นบริเวณ (Quadrant, Sextant) เนื่องจากเป็นหัตถการที่ละเอียดและต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ ทันตแพทย์จะแบ่งการรักษาเป็น 4-6 บริเวณ เช่น:
ทั้งนี้เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ ไม่เจ็บปวด และผู้ป่วยไม่ต้องรับยาชาทั้งปากในคราวเดียว
คุณสมบัติ | ขูดหินปูน (Scaling) | เกลารากฟัน (Root Planing) |
---|---|---|
เป้าหมายหลัก | ขจัดหินปูนที่เกาะบนฟันและใต้ขอบเหงือก | ขจัดคราบหินปูนและแบคทีเรียที่ลึกลงไปใต้เหงือก |
ระดับความลึก | บริเวณผิวฟันและใต้ขอบเหงือกเล็กน้อย | ลึกลงไปในรากฟันและร่องเหงือก |
เหมาะกับใคร? | ผู้ที่มีหินปูนทั่วไป | ผู้ที่มีโรคปริทันต์อักเสบ เหงือกร่น ฟันโยก |
เครื่องมือที่ใช้ | Ultrasonic Scaler หรือ Piezoelectric Scaler | เครื่องมือขูดหินปูนร่วมกับ Hand Scaling และยาชาเฉพาะที่ |
ความถี่ในการทำ | ทุก 6 เดือน | ตามความรุนแรงของโรคปริทันต์ |
อาการหลังทำ | อาจมีเสียวฟันเล็กน้อย | อาจมีเสียวฟันและเหงือกอักเสบเล็กน้อยจากการทำความสะอาดลึก |
การใช้ยาชา | มักไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา | จำเป็นต้องใช้ยาชาเฉพาะที่เกือบทุกครั้ง |
การแบ่งบริเวณรักษา | ทำทั้งปากในครั้งเดียวได้ | มักแบ่งทำเป็นบริเวณ 4-6 ส่วน |
หากไม่แน่ใจว่าควรทำหัตถการใด ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจประเมินสุขภาพเหงือกและฟันก่อนตัดสินใจรักษา
ค่าบริการขูดหินปูนและเกลารากฟัน:
เกลารากฟันเป็นหัตถการที่ต้องทำความสะอาดลึกถึงรากฟัน อาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บได้หากไม่ใช้ยาชา อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ก่อนเริ่มหัตถการเพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างทำ
จากประสบการณ์ผู้ป่วยใน Pantip:
การเกลารากฟันเป็นวิธีรักษาที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันโยกจากโรคปริทันต์ เมื่อมีการสะสมของหินปูนและแบคทีเรียใต้เหงือกเป็นเวลานาน จะทำให้กระดูกรอบรากฟันถูกทำลาย ส่งผลให้ฟันโยกได้
ประโยชน์ของการเกลารากฟันในกรณีฟันโยก:
ข้อควรทราบ: หากฟันโยกมาก การเกลารากฟันอาจไม่เพียงพอ อาจต้องรักษาเพิ่มเติม เช่น การเข้าเฝือกฟัน (Splinting) หรือการผ่าตัดเหงือกเพื่อเสริมกระดูก
ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถเบิกค่าเกลารากฟันได้ภายใต้เงื่อนไขดังนี้:
ราคาการเกลารากฟันในโรงพยาบาลรัฐมีราคาที่ถูกกว่าคลินิกเอกชนทั่วไป โดยมีอัตราค่าบริการโดยประมาณดังนี้:
ข้อควรทราบ:
การเลือกสถานที่เกลารากฟันควรพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้:
จากความคิดเห็นใน Pantip หลายคนแนะนำให้เลือกคลินิกที่มีทันตแพทย์เฉพาะทางด้านปริทันตวิทยา (Periodontist) โดยเฉพาะในกรณีที่มีโรคเหงือกรุนแรง
จำนวนครั้งในการเกลารากฟันขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคปริทันต์และจำนวนฟันที่ต้องได้รับการรักษา:
กรณีเกลารากฟันทั้งปาก: การเกลารากฟันทั้งปากจะต้องทำเป็นส่วนๆ โดยแบ่งเป็นหลายครั้ง เนื่องจากต้องใช้ยาชาและเป็นหัตถการที่ละเอียด ไม่สามารถทำทั้งปากในครั้งเดียวได้
ข้อควรทราบ: หลังการเกลารากฟันครบทุกส่วนแล้ว ทันตแพทย์จะแนะนำให้มาตรวจติดตามและขูดหินปูนทุก 3-6 เดือน เพื่อป้องกันการกลับมาของโรคปริทันต์
CDC Dental มี 2 สาขาให้บริการ:
เปิดทำการทุกวัน: 9:00 - 20:00 น.
สามารถนัดหมายเพื่อตรวจประเมินและรับคำปรึกษาได้ที่ LINE official: @BangkokDentist
Q: เกลารากฟันแล้วเหงือกร่นหรือไม่?
A: การเกลารากฟันไม่ได้ทำให้เหงือกร่น แต่อาจทำให้เห็นว่าเหงือกร่นหลังการรักษา เนื่องจากเหงือกที่เคยบวมอักเสบยุบลงสู่ระดับปกติ ทำให้ดูเหมือนเหงือกร่น แต่จริงๆ แล้วเป็นการกลับสู่สภาวะเหงือกที่สุขภาพดี
Q: เกลารากฟันแล้วอาจมีเลือดไหลไม่หยุดหรือไม่?
A: ปกติหลังการเกลารากฟันอาจมีเลือดออกเล็กน้อย แต่จะหยุดได้เอง หากมีเลือดออกมากหรือไม่หยุด ควรติดต่อทันตแพทย์ทันที ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดหรือทานยาละลายลิ่มเลือด ควรแจ้งทันตแพทย์ล่วงหน้า
Q: เกลารากฟันแล้วฟันจะหายโยกหรือไม่?
A: ในกรณีที่ฟันโยกไม่มาก การเกลารากฟันสามารถช่วยลดการอักเสบและทำให้ฟันแน่นขึ้นได้ แต่หากฟันโยกมากเนื่องจากกระดูกรองรับฟันสูญเสียไปมาก การเกลารากฟันอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ อาจต้องรักษาเพิ่มเติมด้วยวิธีอื่น
แหล่งที่มาของข้อมูล
เฉพาะทางปริทันตวิทยา (รักษาโรคเหงือก)