การขูดหินปูน – สำคัญอย่างไรต่อสุขภาพช่องปาก?

ขูดหินปูน

สารบัญ

หินปูนคืออะไร?

หินปูน (Dental Tartar หรือ Calculus) คือคราบแข็งที่เกิดจากการสะสมของ คราบจุลินทรีย์ (Plaque) ผสานกับแร่ธาตุในน้ำลาย เมื่อสะสมมากขึ้นจะกลายเป็นคราบแข็งที่ติดแน่นบนผิวฟัน ไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันปกติ จำเป็นต้องได้รับการขูดหินปูนโดยทันตแพทย์

ภาพหินปูน ฟัน

หินปูนเกิดจากอะไร

  • การแปรงฟันไม่สะอาด หรือแปรงฟันไม่ทั่วถึง
  • การละเลยการใช้ไหมขัดฟัน ทำให้คราบจุลินทรีย์สะสมตามซอกฟัน
  • การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือแป้งสูง ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย
  • น้ำลายมีแร่ธาตุสูง ทำให้หินปูนก่อตัวได้เร็วขึ้น
  • การสูบบุหรี่และดื่มชา กาแฟ ซึ่งส่งเสริมการสะสมของคราบ

หินปูนมีผลเสียต่อสุขภาพช่องปากอย่างไร?

หากปล่อยให้หินปูนสะสมเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันและเหงือก เช่น:

  • เหงือกอักเสบ (Gingivitis) – หินปูนเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งทำให้เหงือกบวม แดง และเลือดออกง่ายเมื่อแปรงฟัน
  • โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) – หากไม่รักษา เหงือกอักเสบจะลุกลามไปทำลายกระดูกและเนื้อเยื่อรองรับฟัน ส่งผลให้ฟันโยกและอาจสูญเสียฟันได้
  • ฟันผุ – หินปูนเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ปล่อยกรดทำลายเคลือบฟัน นำไปสู่ฟันผุ
  • กลิ่นปาก – แบคทีเรียที่สะสมในหินปูนปล่อยก๊าซที่มีกลิ่นเหม็น ทำให้เกิดปัญหากลิ่นปากเรื้อรัง
  • ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม – งานวิจัยพบว่าการติดเชื้อในเหงือกจากหินปูนสะสม มีความเชื่อมโยงกับโรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์

การขูดหินปูนเป็นวิธีป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากที่สำคัญ ควรทำเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือบ่อยกว่านั้นในบางกรณี

ทำไมต้องขูดหินปูน?

ป้องกันโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์

หินปูนเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่สามารถทำให้เกิด เหงือกอักเสบ (Gingivitis) หากไม่ได้รับการรักษา อาการอักเสบอาจลุกลามจนกลายเป็น โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) ซึ่งทำให้เกิดการทำลายกระดูกและเนื้อเยื่อรองรับฟัน ส่งผลให้ฟันโยกและอาจต้องถอนออกในที่สุด

ลดความเสี่ยงของฟันผุและการสูญเสียฟัน

การสะสมของหินปูนสามารถกักเก็บคราบจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่ปล่อยกรดออกมา ทำลายเคลือบฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ฟันผุอาจลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟันและต้องรักษารากฟัน หรืออาจสูญเสียฟันได้ในที่สุด

ขจัดกลิ่นปากจากแบคทีเรียสะสม

แบคทีเรียที่สะสมอยู่ในหินปูนสามารถปล่อยก๊าซที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา ส่งผลให้เกิด กลิ่นปากเรื้อรัง (Halitosis) แม้จะแปรงฟันเป็นประจำก็ตาม การขูดหินปูนช่วยกำจัดแหล่งสะสมของแบคทีเรียเหล่านี้ ทำให้ลมหายใจสดชื่นขึ้น

ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม

งานวิจัยพบว่าโรคปริทันต์อักเสบอาจมีความเชื่อมโยงกับ โรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากแบคทีเรียและสารอักเสบจากเหงือกอาจเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม การขูดหินปูนเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพเหล่านี้ได้

ขูดหินปูนเจ็บไหม?

การขูดหินปูนเป็นหัตถการที่หลายคนกังวลว่าอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือไม่สบายช่องปาก อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปการขูดหินปูนไม่ได้เจ็บมาก แต่อาจรู้สึกเสียวฟันหรือระคายเคืองเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพเหงือกและปริมาณหินปูนที่สะสม

ปัจจัยที่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือเสียวฟันขณะขูดหินปูน

  1. ปริมาณหินปูนที่สะสม – หากมีหินปูนสะสมมาก อาจต้องใช้เวลาขูดนานขึ้น ทำให้รู้สึกระคายเคืองมากขึ้น
  2. ภาวะเหงือกอักเสบ – หากมีเหงือกอักเสบ อาจรู้สึกเจ็บขณะขูดหินปูน เนื่องจากเหงือกมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือน
  3. อาการเสียวฟัน – ในบางคนที่มีเหงือกร่น หรือเคลือบฟันบาง อาจรู้สึกเสียวฟันขณะขูดหินปูน
  4. เครื่องมือที่ใช้ – การขูดหินปูนด้วย เครื่องอัลตราโซนิก (Ultrasonic Scaler) หรือ Piezoelectric Scaler ช่วยลดแรงกด ลดความรู้สึกไม่สบายได้มากกว่าการใช้เครื่องมือแบบดั้งเดิม

วิธีลดอาการเจ็บหรือเสียวฟันระหว่างขูดหินปูน

  • แจ้งทันตแพทย์ล่วงหน้า หากมีอาการเสียวฟันหรือกังวลเรื่องความเจ็บ
  • ใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน ก่อนและหลังการขูดหินปูน
  • พบทันตแพทย์สม่ำเสมอทุก 6 เดือน เพื่อลดการสะสมของหินปูน ทำให้ขูดหินปูนง่ายขึ้นและรู้สึกสบายขึ้น
  • ขอให้ทันตแพทย์ใช้ยาชาเฉพาะที่ หากมีอาการเสียวฟันมาก

การขูดหินปูนไม่ได้เจ็บมาก แต่บางคนอาจรู้สึกเสียวฟันหรือระคายเคืองเล็กน้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพฟัน เหงือก และปริมาณหินปูน หากพบทันตแพทย์เป็นประจำ จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเสียวฟันและทำให้การขูดหินปูนรู้สึกสบายขึ้น

ขั้นตอนการขูดหินปูนที่ CDC Dental

ภาพหมอกำลังขูดหินปูนคนไข้

1. ตรวจสุขภาพช่องปากและประเมินปริมาณหินปูน

ทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพฟันและเหงือกอย่างละเอียดเพื่อประเมินปริมาณคราบหินปูนและคราบจุลินทรีย์ ที่สะสมอยู่บนผิวฟันและใต้ขอบเหงือก ในบางกรณีอาจมีการ ถ่ายภาพเอ็กซเรย์ เพื่อดูการสะสมของหินปูนที่อยู่ลึกใต้เหงือก หากพบปัญหาเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ ทันตแพทย์จะแนะนำแนวทางการรักษาเพิ่มเติม

2. การขูดหินปูนด้วยอัลตราโซนิก

CDC Dental ใช้เครื่องมือ อัลตราโซนิกสเกลเลอร์ (Ultrasonic Scaling) หรือ Piezoelectric Scaler ซึ่งปล่อยแรงสั่นสะเทือนเพื่อละลายหินปูนที่เกาะแน่นบนผิวฟันและใต้เหงือก วิธีนี้ช่วยให้ขจัดหินปูนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้แรงขูดจากเครื่องมือมือแบบดั้งเดิม ทำให้รู้สึกสบายขึ้นและลดอาการเสียวฟันระหว่างการรักษา

3. ขัดฟัน

หลังจากขูดหินปูนแล้ว ทันตแพทย์จะทำการ ขัดฟันเพื่อทำให้ผิวฟันเรียบเนียน ลดการเกาะตัวของคราบจุลินทรีย์และช่วยให้ฟันดูสะอาดขึ้น โดยใช้

  • หัวแปรงไฟฟ้า ร่วมกับ ยาสีฟันที่มีสารขัดฟันอ่อนโยน
  • ระบบ Air-flow ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้แรงดันลมและน้ำพ่นผงขัดฟันพิเศษ เช่น Sodium Bicarbonate เพื่อขจัดคราบชา กาแฟ และบุหรี่ที่ติดแน่นบนฟัน

การขัดฟันช่วยลดการสะสมของคราบใหม่ ทำให้ฟันดูสะอาดขึ้นและช่วยให้เหงือกแข็งแรงขึ้น การขูดหินปูนและขัดฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเหงือกและฟันผุ ซึ่งควรทำเป็นประจำทุก 6 เดือน

ขัดฟัน vs Airflow – ต่างกันอย่างไร?

การทำความสะอาดฟันหลังขูดหินปูนมีทั้ง การขัดฟัน (Polishing) และ การทำแอร์โฟลว์ (Air-flow) ซึ่งมีจุดประสงค์ในการขจัดคราบบนฟัน แต่มีความแตกต่างในด้านเทคนิค ประสิทธิภาพ และความเหมาะสมกับสภาพฟันของแต่ละบุคคล

1. ขัดฟัน (Polishing) คืออะไร?

การขัดฟัน เป็นขั้นตอนที่ทำหลังจากขูดหินปูน โดยใช้ หัวแปรงไฟฟ้า ร่วมกับ ผงขัดฟัน (Prophylaxis Paste) เพื่อช่วยทำให้พื้นผิวฟันเรียบเนียน ลดการเกาะของคราบจุลินทรีย์และช่วยให้ฟันดูสะอาดขึ้น

คุณสมบัติของการขัดฟัน:

  • ขจัดคราบจุลินทรีย์และคราบอาหารบางส่วน
  • ทำให้ฟันเรียบขึ้น ลดการสะสมของคราบใหม่
  • ใช้หัวแปรงไฟฟ้ากับผงขัดฟันที่มีเม็ดละเอียด
  • เหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพฟันทั่วไป

ข้อจำกัด:

  • ไม่สามารถขจัดคราบฝังลึก เช่น คราบชา กาแฟ หรือบุหรี่ ได้อย่างหมดจด
  • อาจไม่สามารถเข้าถึงบริเวณระหว่างซี่ฟันได้ดี

2. Air-flow คืออะไร?

Air-flow เป็นเทคโนโลยีการทำความสะอาดฟันที่ใช้ แรงดันลมและน้ำร่วมกับผงขัดฟันชนิดพิเศษ (Erythritol หรือ Sodium Bicarbonate) เพื่อช่วยขจัดคราบที่เกาะบนฟันและระหว่างซี่ฟันได้อย่างล้ำลึก

คุณสมบัติของ Air-flow:

  • ใช้ลม น้ำ และผงขัดพ่นไปที่ฟันและซอกฟัน
  • ขจัดคราบสีที่ติดแน่น เช่น คราบชา กาแฟ และคราบบุหรี่
  • ช่วยทำความสะอาดบริเวณใต้ขอบเหงือกและระหว่างซี่ฟันได้ดี
  • อ่อนโยน ไม่ทำลายผิวฟัน

ข้อจำกัด:

  • อาจไม่สามารถขจัดหินปูนที่แข็งตัวแล้วได้ ต้องขูดหินปูนก่อน
  • อาจมีรสเค็มหรือหวานเล็กน้อยจากผงขัดที่ใช้

การเปรียบเทียบระหว่างการขัดฟันแบบ Polishing และ Air-flow

คุณสมบัติ ขัดฟัน (Polishing) Air-flow
เทคนิคการทำงาน ใช้หัวแปรงไฟฟ้าและผงขัดฟัน ใช้ลม น้ำ และผงขัดพ่นทำความสะอาด
กำจัดคราบจุลินทรีย์ ทำได้ดีบนผิวฟัน ทำได้ดีทั้งบนฟันและซอกฟัน
ขจัดคราบสีจากชา กาแฟ บุหรี่ ได้บางส่วน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำความสะอาดใต้ขอบเหงือก จำกัดเฉพาะบนฟัน ทำได้ลึกกว่า
ความอ่อนโยนต่อฟัน อาจมีการเสียดสีเล็กน้อย อ่อนโยนกว่า
ระยะเวลาทำหัตถการ 5-10 นาที 10-15 นาที
เหมาะกับใคร? ทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพฟัน ผู้ที่มีคราบสีมาก หรือมีเหงือกอักเสบเล็กน้อย

4. ขัดฟันหรือ Airflow ควรเลือกแบบไหนดี?

ขัดฟัน เหมาะสำหรับการทำความสะอาดฟันทั่วไป หลังขูดหินปูน เพื่อช่วยให้ฟันเรียบเนียนและลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์
Air-flow เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีคราบสีติดแน่นจากชา กาแฟ บุหรี่ หรือ ผู้ที่ต้องการทำความสะอาดซอกฟันและใต้ขอบเหงือกได้อย่างล้ำลึก

หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพฟันและเหงือกของแต่ละบุคคล

ควรขูดหินปูนบ่อยแค่ไหน

ควรขูดหินปูนทุก 6 เดือนหรือบ่อยกว่านั้นในบางกรณี

โดยทั่วไป ทันตแพทย์แนะนำให้ ขูดหินปูนทุก 6 เดือน เพื่อรักษาสุขภาพช่องปาก ลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเหงือกและฟันผุ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจต้องขูดหินปูนบ่อยขึ้น ตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • ผู้ที่มีโรคเหงือกหรือโรคปริทันต์อักเสบ – อาจต้องขูดหินปูนทุก 3-4 เดือน เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและป้องกันการลุกลามของโรค
  • ผู้ที่มีการสะสมของหินปูนเร็วกว่าปกติ – เช่น ผู้ที่มีน้ำลายที่มีแร่ธาตุสูง หรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดหินปูนมากขึ้น เช่น สูบบุหรี่ หรือดื่มชา กาแฟเป็นประจำ
  • ผู้ที่จัดฟัน – ควรขูดหินปูนทุก 3-4 เดือน เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันเป็นแหล่งสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูนที่ทำความสะอาดได้ยาก
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน – ควรขูดหินปูนบ่อยขึ้น เนื่องจากโรคเบาหวานเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเหงือก และมีแนวโน้มเกิดการอักเสบได้ง่าย
  • ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดกลิ่นปากเรื้อรัง – ควรขูดหินปูนเป็นประจำเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก

ขูดหินปูน ราคา

การขูดหินปูนเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปาก ช่วยกำจัดคราบหินปูนและแบคทีเรียสะสมที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกและกลิ่นปาก ค่ารักษาขูดหินปูนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณหินปูนและบริการเพิ่มเติมที่รวมอยู่ในแพ็กเกจ

ค่ารักษาในการขูดหินปูน

  • โรงพยาบาลรัฐ: ค่ารักษาประมาณ 700  บาท

  • คลินิกทันตกรรมทั่วไป: ค่ารักษาขูดหินปูนโดยเฉลี่ย 900 - 1,500 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณหินปูนที่สะสม

  • โรงพยาบาลเอกชน: ค่ารักษาขูดหินปูนอาจอยู่ที่ 1,000 - 2,000 บาท

  • ใช้สิทธิประกันสังคมได้: ลดค่ารักษาได้ 900 บาทต่อปี โดยไม่ต้องสำรองจ่าย

ที่ CDC Dental มีแพ็กเกจขูดหินปูนที่ช่วยให้ฟันสะอาดหมดจด พร้อมการดูแลพิเศษที่ช่วยลดการสะสมของคราบใหม่

แพ็คเกจขูดหินปูน โปรโมชั่นขูดหินปูน

แพ็กเกจ 1 ขูดหินปูน + เคลือบฟลูออไรด์ – 1,200 บาท (จากค่ารักษาปกติ 2,100 บาท)

  • ตรวจฟัน

  • ขูดหินปูน

  • ขัดฟัน

  • เคลือบฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูง

แพ็กเกจ 2 Air-flow – 1,600 บาท (จากค่ารักษาปกติ 2,400 บาท)

  • ตรวจฟัน

  • ขูดหินปูน

  • ทำ Air-flow จัดคราบชา กาแฟ และบุหรี่

แพ็กเกจ 3 Air-flow Plus – 1,900 บาท (จากค่ารักษาปกติ 3,000 บาท)

  • ตรวจฟัน

  • ขูดหินปูน

  • ทำ Air-flow จัดคราบชา กาแฟ และบุหรี่

  • เคลือบฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูง

ทุกแพ็กเกจสามารถ ใช้สิทธิประกันสังคม 900 บาท/ปี ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย

ขูดหินปูนแล้ว จำเป็นต้องเคลือบฟลูออไรด์หรือไม่

ไม่จำเป็นเสมอไป แต่การเคลือบฟลูออไรด์หลังขูดหินปูนมีประโยชน์หลายประการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะช่องปากของแต่ละบุคคล และคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้ดูแล

การขูดหินปูนเป็นการกำจัดคราบหินปูนที่สะสมบนผิวฟัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการเผยผึ่งของผิวฟันหรือรากฟัน ส่งผลให้เกิดอาการเสียวฟัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ การเคลือบฟลูออไรด์จึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาดังกล่าว

ฟลูออไรด์เจล (Fluoride Gel)

ฟลูออไรด์เจลเป็นวิธีการเคลือบฟลูออไรด์แบบดั้งเดิม มีลักษณะเป็นเจลที่ใส่ในถาดครอบฟัน และใช้เวลาประมาณ 4-5 นาทีในการเคลือบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันฟันผุและเสริมความแข็งแรงให้กับเคลือบฟัน

ฟลูออไรด์วานิช (Fluoride Varnish) - เคลือบฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูง

Fluoride Varnish เป็นสารเคลือบฟลูออไรด์ที่มีความเข้มข้นสูง ใช้สำหรับป้องกันฟันผุและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเคลือบฟัน โดยทันตแพทย์จะทา Fluoride Varnish ลงบนผิวฟันเพื่อให้ฟลูออไรด์ซึมเข้าสู่เคลือบฟันและเพิ่มความทนทานต่อกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก

คุณสมบัติของ Fluoride Varnish:

  • มีฟลูออไรด์เข้มข้นสูง (5% Sodium Fluoride) ซึ่งช่วยเสริมแร่ธาตุให้กับเคลือบฟัน
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุโดยการทำให้เคลือบฟันทนต่อการกัดกร่อนของกรด
  • ลดอาการเสียวฟัน โดยเคลือบปิดท่อเนื้อฟันที่เปิดอยู่
  • มีเนื้อสัมผัสเหนียว ช่วยให้ฟลูออไรด์เกาะติดกับฟันได้นานขึ้น
  • สามารถใช้ได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อฟันผุสูง

กระบวนการเคลือบฟลูออไรด์:

  1. ทันตแพทย์จะทำความสะอาดฟันและเช็ดให้แห้งก่อนทา Fluoride Varnish
  2. ใช้แปรงขนาดเล็กทาสารเคลือบฟลูออไรด์ลงบนผิวฟัน
  3. ฟลูออไรด์จะแข็งตัวทันทีเมื่อสัมผัสกับน้ำลายในช่องปาก
  4. หลังเคลือบฟลูออไรด์ ควรงดดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเป็นเวลา 30 นาที และหลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือร้อนจัดใน 4-6 ชั่วโมงแรก

ใครควรได้รับการเคลือบฟลูออไรด์?

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อฟันผุสูง เช่น ผู้ที่มีฟันผุบ่อยหรือมีฟันสึก
  • ผู้ที่มีอาการเสียวฟันจากการสึกกร่อนของเคลือบฟัน
  • ผู้ที่มีปัญหาเหงือกร่น ทำให้รากฟันสัมผัสกับสภาพแวดล้อมในช่องปากโดยตรง
  • เด็กที่ต้องการป้องกันฟันผุ เนื่องจากฟันน้ำนมและฟันแท้ที่ขึ้นใหม่ยังมีความแข็งแรงไม่มากพอ
  • ผู้ที่จัดฟัน ซึ่งมีโอกาสเกิดฟันผุบริเวณรอบเครื่องมือจัดฟันได้ง่าย

Fluoride Varnish เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของฟัน ควรเข้ารับบริการเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือบ่อยกว่านั้นตามคำแนะนำของทันตแพทย์

ขูดหินปูนเบิกได้

การขูดหินปูนเป็นหัตถการที่สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพหรือสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายได้ ทั้งจาก ประกันสังคม, สปสช., สวัสดิการบริษัท และประกันสุขภาพ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละประเภท

ใช้สิทธิประกันสังคมลดค่าใช้จ่ายได้ 900 บาท โดยไม่ต้องสำรองจ่าย

  • ผู้ที่อยู่ในระบบ ประกันสังคม มาตรา 33 และ 39 สามารถใช้สิทธิขูดหินปูนได้ 900 บาทต่อปี โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
  • สามารถใช้สิทธิได้ที่ CDC Dental และคลินิกที่เข้าร่วมโครงการ
  • สิทธิประกันสังคมครอบคลุมค่ารักษาทางทันตกรรม เช่น ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด โดยใช้วงเงินรวมกันไม่เกิน 900 บาทต่อปี

วิธีใช้สิทธิ:

  1. แสดงบัตรประชาชนก่อนรับบริการ
  2. คลินิกจะทำการตรวจสอบสิทธิ และดำเนินการให้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
  3. หากค่ารักษาเกิน 900 บาท สามารถชำระส่วนต่างเพิ่มเติมได้

สปสช. ขูดหินปูนได้

  • ผู้ที่อยู่ในระบบ บัตรทอง (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ - สปสช.) สามารถเข้ารับบริการขูดหินปูนได้ที่สถานพยาบาลรัฐหรือคลินิกที่เข้าร่วมโครงการ
  • สปสช. ครอบคลุมค่าขูดหินปูน ฟรี ตามเงื่อนไขที่กำหนด

เงื่อนไขการใช้สิทธิ:

  • ต้องเข้ารับบริการที่ คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.
  • สามารถตรวจสอบสิทธิได้ผ่าน เว็บไซต์ สปสช. หรือโทรสอบถามที่ สายด่วน 1330
  • CDC Dental ศูนย์ทันตกรรมจตุจักร เข้าร่วมโครงการ สปสช. ท่านสามารถนัดหมาย สอบถามผ่านไลน์ @cdc.dental ก่อนเข้ารับบริการ

เบิกบริษัท ออกใบเสร็จรับรองแพทย์ได้

  • ท่าที่ทำงานในบริษัทที่มี สวัสดิการค่าทำฟัน สามารถขอ ใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์ เพื่อเบิกค่ารักษาจากบริษัทได้
  • แต่ละบริษัทอาจมี วงเงินสวัสดิการค่าทำฟันแตกต่างกัน ควรตรวจสอบเงื่อนไขกับฝ่ายบุคคล (HR) ก่อนเข้ารับบริการ
  • CDC Dental ออกใบเสร็จรับเงินที่สามารถใช้ในการเบิกค่ารักษากับบริษัทได้

วิธีขอใบรับรองแพทย์:

  1. แจ้งพนักงานคลินิกว่าต้องการใบรับรองแพทย์เพื่อใช้เบิกค่ารักษา
  2. ชำระค่ารักษาตามแพ็กเกจที่เลือก
  3. รับใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์เพื่อนำไปยื่นขอเบิกกับบริษัท

เบิกประกัน ออกใบเสร็จรับรองแพทย์ได้

  • ผู้ที่มี ประกันสุขภาพส่วนบุคคล สามารถใช้สิทธิขูดหินปูนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
  • แผนประกันที่ครอบคลุมทันตกรรม อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายได้บางส่วนหรือทั้งหมด
  • สามารถแจ้งคลินิกเพื่อขอ ใบเสร็จและใบรับรองแพทย์ เพื่อนำไปยื่นเบิกประกันได้

วิธีใช้สิทธิประกันสุขภาพ:

  1. ตรวจสอบเงื่อนไขการคุ้มครองของกรมธรรม์ว่าครอบคลุมค่าขูดหินปูนหรือไม่
  2. แจ้งคลินิกเพื่อขอ ใบเสร็จและใบรับรองแพทย์
  3. นำเอกสารไปยื่นขอเบิกกับบริษัทประกัน

สรุป – ขูดหินปูนเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม

การขูดหินปูนเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปาก ช่วยขจัดคราบหินปูนและแบคทีเรียสะสมที่อาจเป็นสาเหตุของโรคเหงือก ฟันผุ และกลิ่นปาก หากละเลยการขูดหินปูน อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงขึ้น เช่น เหงือกอักเสบ โรคปริทันต์ และการสูญเสียฟัน

เหตุผลที่ควรขูดหินปูนเป็นประจำ

  • ช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟัน ลดความเสี่ยงของโรคเหงือกอักเสบและฟันโยก
  • ลดปัญหากลิ่นปาก โดยกำจัดแบคทีเรียสะสมที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นปากเรื้อรัง
  • ป้องกันฟันผุ โดยลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ที่ทำลายเคลือบฟัน
  • ช่วยให้ฟันสะอาดขึ้น ลดคราบบนผิวฟัน และทำให้รอยยิ้มดูสดใสขึ้น

ควรขูดหินปูนทุกกี่เดือน?

ทันตแพทย์แนะนำให้ ขูดหินปูนทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันการสะสมของคราบหินปูนและลดความเสี่ยงของโรคเหงือก อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี เช่น ผู้ที่มีโรคเหงือกหรือจัดฟัน อาจต้องขูดหินปูนบ่อยขึ้นตามคำแนะนำของทันตแพทย์

โปรโมชั่นขูดหินปูนที่ CDC Dental

ที่ CDC Dental มีโปรโมชั่นขูดหินปูนราคาพิเศษ พร้อมบริการขัดฟันและทำ Air-flow ซึ่งช่วยขจัดคราบชา กาแฟ และบุหรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ฟันสะอาดและลดการสะสมของคราบใหม่

ต้องการนัดหมาย?

ท่านสามารถ นัดหมายตรวจประเมินกับทันตแพทย์ได้ฟรี 

ติดต่อเราได้ที่ LINE: @CDC.DENTAL

เพิ่มเพื่อน

สาขาที่ให้บริการ:

  • ศูนย์ทันตกรรมจตุจักร BTS สะพานควาย ???? โทร 097-925-2424
  • ลาดพร้าว 109 (ปริญญาทันตคลินิก เดิม) ???? โทร 097-925-2442

สอบถามเพิ่มเติมหรือจองคิวนัดหมายล่วงหน้าได้ทุกวัน

 

การดูแลช่องปากหลังขูดหินปูน

วิธีแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันให้มีประสิทธิภาพ

หลังจากขูดหินปูน ควรดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีเพื่อลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูนใหม่ โดยมีวิธีดังนี้

  • แปรงฟันให้ถูกวิธี
    • ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้า-ก่อนนอน)
    • ใช้เทคนิคการแปรงฟันแบบ Bass Technique โดยวางแปรงทำมุม 45 องศากับขอบเหงือก และขยับแปรงเบา ๆ เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์
    • ใช้ยาสีฟันที่มี ฟลูออไรด์ เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ
  • ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
    • ใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง โดยเน้นทำความสะอาดระหว่างซี่ฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
    • ดึงไหมขัดฟันให้แนบกับฟันแต่ละซี่ แล้วค่อย ๆ เลื่อนขึ้น-ลงอย่างนุ่มนวล
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
    • เลือกน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อลดการระคายเคืองของเหงือก
    • ใช้วันละครั้งหรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์

อาการเสียวฟันหลังขูดหินปูนและวิธีบรรเทา

อาการเสียวฟันเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังขูดหินปูน เนื่องจากหินปูนที่เคยปกคลุมฟันถูกขจัดออกไป ทำให้เนื้อฟันหรือรากฟันสัมผัสกับอุณหภูมิและสิ่งกระตุ้นโดยตรง

วิธีบรรเทาอาการเสียวฟัน:

  • ใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน ที่มี โพแทสเซียมไนเตรต (Potassium Nitrate) หรือ สตรอนเทียมคลอไรด์ (Strontium Chloride)
  • หลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด เย็นจัด หรือเปรี้ยวจัด ในช่วง 1-2 วันหลังขูดหินปูน
  • ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และหลีกเลี่ยงการแปรงฟันแรงเกินไป
  • พบทันตแพทย์หากอาการเสียวฟันไม่หายไปภายใน 1-2 สัปดาห์

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังขูดหินปูน

หลังขูดหินปูน ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่อาจทำให้ฟันเสียวหรือเพิ่มการสะสมของคราบหินปูนใหม่

  • อาหารร้อนจัดหรือเย็นจัด เช่น น้ำแข็ง ไอศกรีม ชา กาแฟร้อน อาจกระตุ้นให้เกิดอาการเสียวฟัน
  • อาหารรสเปรี้ยวจัด เช่น น้ำมะนาว โซดา น้ำส้มสายชู ซึ่งอาจทำให้เคลือบฟันสึกกร่อน
  • อาหารเหนียวและติดฟันง่าย เช่น คาราเมล ขนมเหนียว ๆ ที่อาจทำให้แบคทีเรียสะสมในซอกฟัน
  • เครื่องดื่มที่มีสีเข้มและอาจทำให้เกิดคราบฟัน เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง
  • อาหารที่แข็งหรือกรุบกรอบ เช่น ถั่วแข็ง น้ำแข็ง ข้าวโพดคั่ว อาจทำให้ฟันรู้สึกระคายเคือง

การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ฟันปรับตัวได้เร็วขึ้น ลดอาการเสียวฟัน และช่วยรักษาความสะอาดของฟันหลังขูดหินปูนได้ดียิ่งขึ้น

ข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับการขูดหินปูน

ขูดหินปูนทำให้ฟันบางลงจริงหรือไม่?

ความจริง: การขูดหินปูนไม่ได้ทำให้ฟันบางลง เพราะเครื่องมือขูดหินปูนมีหน้าที่ขจัดคราบหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนผิวฟัน ไม่ได้ทำลายเนื้อฟันเอง

เหตุผลที่บางคนคิดว่าฟันบางลง:

  • หลังจากขูดหินปูน บางคนอาจรู้สึกเสียวฟันมากขึ้น เนื่องจาก หินปูนที่เคยปกคลุมฟันถูกขจัดออกไป ทำให้ฟันสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นโดยตรง

  • อาการเสียวฟันนี้เป็นเพียงชั่วคราว และสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน

ขูดหินปูนแล้วฟันจะห่างขึ้นจริงหรือเปล่า?

ความจริง: ฟันไม่ได้ห่างขึ้นจากการขูดหินปูนโดยตรง แต่เป็นเพราะ หินปูนที่เคยสะสมอยู่ระหว่างซี่ฟันถูกขจัดออกไป ทำให้รู้สึกว่าฟันมีช่องว่างมากขึ้น

เหตุผลที่บางคนคิดว่าฟันห่างขึ้น:

  • ในบางกรณี หากมีหินปูนสะสมเป็นเวลานาน มันอาจเติมเต็มช่องว่างระหว่างฟันและเหงือก พอขูดออกไปแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่าฟันห่างขึ้น แต่ในความเป็นจริง ช่องว่างนั้นเป็นสภาพปกติของฟัน

  • หากเหงือกร่นจากโรคปริทันต์ ฟันอาจดูห่างขึ้นจริง แต่เป็นผลมาจากโรคเหงือก ไม่ใช่เพราะการขูดหินปูน

การขูดหินปูนทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือไม่?

ความจริง: เลือดออกระหว่างขูดหินปูนเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มี เหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์

เหตุผลที่เกิดเลือดออก:

  • เมื่อหินปูนสะสมเป็นเวลานาน เหงือกจะอักเสบและบวม ทำให้มีเลือดออกง่ายแม้จากการแปรงฟัน

  • การขูดหินปูนช่วยกำจัดแบคทีเรียและหินปูนที่เป็นต้นเหตุของการอักเสบ เมื่อเหงือกกลับมาแข็งแรง เลือดออกจะลดลงเอง

ควรทำอย่างไรหลังขูดหินปูนเพื่อลดเลือดออก?

  • ใช้ไหมขัดฟันและแปรงฟันให้ถูกต้องเพื่อป้องกันเหงือกอักเสบ

  • หากเลือดออกมากผิดปกติและไม่หยุดภายใน 1-2 วัน ควรพบทันตแพทย์

ขูดหินปูนแล้วหินปูนจะกลับมาเร็วขึ้นจริงไหม?

ความจริง: การขูดหินปูนไม่ได้ทำให้หินปูนกลับมาเร็วขึ้น การเกิดหินปูนขึ้นอยู่กับ การดูแลช่องปากและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน

ปัจจัยที่ทำให้หินปูนกลับมาเร็ว:

  • การแปรงฟันไม่ทั่วถึงหรือไม่ใช้ไหมขัดฟัน

  • การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือแป้ง ซึ่งกระตุ้นการเกิดคราบจุลินทรีย์

  • การสูบบุหรี่และดื่มชา กาแฟ เป็นประจำ

  • น้ำลายที่มีแร่ธาตุสูง ซึ่งทำให้เกิดหินปูนได้เร็วขึ้น

วิธีป้องกันการสะสมของหินปูนหลังขูดหินปูน:

  • แปรงฟันให้ถูกวิธีวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน

  • ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ช่วยลดแบคทีเรีย

  • ลดการดื่มชา กาแฟ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

  • พบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนตามความเหมาะสม

การขูดหินปูนเป็นขั้นตอนที่ช่วยรักษาสุขภาพช่องปากในระยะยาว โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด

การเตรียมตัวก่อนขูดหินปูนสำหรับผู้มีโรคประจำตัวและหญิงตั้งครรภ์

คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง

การขูดหินปูนเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท ควรแจ้งทันตแพทย์ล่วงหน้าเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง

  • หากมีประวัติ โรคหัวใจขาดเลือด หรือเคยผ่าตัดลิ้นหัวใจ ควรแจ้งทันตแพทย์ เนื่องจากอาจต้องได้รับยาปฏิชีวนะก่อนขูดหินปูนเพื่อลดความเสี่ยงของ การติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ (Infective Endocarditis)

  • หากมี เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ควรแจ้งทันตแพทย์ล่วงหน้า เพราะเครื่องขูดหินปูนแบบอัลตราโซนิกบางประเภทอาจรบกวนการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ

  • ผู้ที่มี ความดันโลหิตสูง ควรรับประทานยาตามปกติและควรพบทันตแพทย์เมื่อตัวเองรู้สึกสบาย หากมีอาการวิงเวียน ควรแจ้งทันตแพทย์ทันที

โรคเบาหวาน

  • ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี ก่อนเข้ารับการขูดหินปูน เนื่องจากโรคเบาหวานทำให้แผลหายช้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเหงือก

  • ควรรับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนทำหัตถการ เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

  • หากมีโรคเหงือกอักเสบร่วม ควรเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากโรคเบาหวานสามารถทำให้เหงือกอักเสบรุนแรงขึ้น

หญิงตั้งครรภ์ควรขูดหินปูนช่วงไหนปลอดภัยที่สุด?

การขูดหินปูนสามารถทำได้ในระหว่างตั้งครรภ์ แต่ควรเลือกช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงและความไม่สบายตัว

ช่วงที่เหมาะสมในการขูดหินปูน:

  • ไตรมาสที่ 2 (สัปดาห์ที่ 14 - 28) เป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากอาการแพ้ท้องมักลดลง และร่างกายสามารถทนต่อหัตถการทางทันตกรรมได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการขูดหินปูนใน ไตรมาสแรก (1-12 สัปดาห์) เนื่องจากเป็นช่วงที่ทารกกำลังพัฒนาระบบอวัยวะ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือการทำหัตถการที่อาจส่งผลต่อทารก
  • ใน ไตรมาสที่ 3 (สัปดาห์ที่ 29 - 40) การขูดหินปูนอาจทำให้ไม่สบายตัวจากการนอนเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องทำ ควรใช้หมอนรองและเปลี่ยนท่านั่งหรือนอนให้เหมาะสม

ข้อควรระวังสำหรับหญิงตั้งครรภ์:

  • แจ้งทันตแพทย์เกี่ยวกับอายุครรภ์และภาวะสุขภาพก่อนเข้ารับการรักษา
  • หลีกเลี่ยงการเอนตัวนาน ๆ ขณะทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะความดันต่ำ
  • สามารถใช้ยาชาเฉพาะที่ได้หากจำเป็น โดยเลือกใช้ชนิดที่ไม่มีอิพิเนฟริน (Epinephrine) เพื่อลดผลกระทบต่อหัวใจ
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้ น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ และให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อเหงือก

การขูดหินปูนระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและลดความเสี่ยงต่อโรคเหงือก ซึ่งอาจมีผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ หากไม่แน่ใจควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม

ขูดหินปูน vs เกลารากฟัน – ต่างกันอย่างไร?

เกลารากฟัน (Root Planing, Deep Cleaning) คืออะไร?

การเกลารากฟันเป็นขั้นตอนที่ลึกกว่าการขูดหินปูน ใช้สำหรับ รักษาโรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) โดยทำความสะอาดลึกถึงรากฟัน เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียที่อยู่ใต้เหงือกและช่วยให้เหงือกยึดติดกับฟันได้ดีขึ้น มักมีการใช้ยาชาร่วมด้วย และแบ่งบริเวณทำเป็นส่วนๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่

ขูดหินปูนหรือเกลารากฟัน ควรเลือกแบบไหนดี?

ขูดหินปูน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาโรคเหงือกรุนแรง ต้องการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
เกลารากฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่มี โรคปริทันต์อักเสบ และต้องการลดการอักเสบของเหงือกและฟันโยก

หากไม่แน่ใจว่าควรทำหัตถการใด ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจประเมินสุขภาพเหงือกและฟันก่อนตัดสินใจรักษา


แหล่งที่มาของข้อมูล

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ทพญ.ธนิยา โบว์วงศ์ประเสริฐ
บทความโดย

ทพญ.ธนิยา โบว์วงศ์ประเสริฐ (หมอบิว)

เฉพาะทางปริทันตวิทยา (รักษาโรคเหงือก)